โฆษณาน่่าสนใจ-ช่วยคลิ๊กให้ด้วยครับ เพราะเจ้าของบล็อกจะได้รับค่าโฆษณาตอบแทนครับ

วันพุธที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

คำคมจาก อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์


คำคมจาก อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ 

        A human being is a part of a whole, called by us -universe-, a part limited in time and space. He experiences himself, his thoughts and feelings as something separated from the rest…a kind of optical delusion of his consciousness. This delusion is a kind of prison of us, restricting us to our personal desires and to affection for a few things nearest to us. Our tasks must be to free ourselves from this prison by widening our circle of compassion to embrace all living creatures and the whole of nature in its beauty. 

        มนุษย์คนหนึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทั้งหมดที่เราเรียกว่า เอกภพ เป็นส่วนเสี้ยวที่ถูกจำกัดด้วยอวกาศและเวลา เขาได้รับประสบการณ์ด้วยตัวเขาเองเป็นความคิดและความรู้สึกที่กันออกจากส่วน ที่เหลือ นั่นก็คือ มายาคติเชิงการเห็นชนิดหนึ่งจากความรู้สึกนึกคิดของเขาเอง มายาคตินี้เป็นคุกชนิดหนึ่ง จำกัดเราให้อยู่แต่ความปรารถนา ความรักใคร่สิ่งที่อยู่ใกล้ตัวจำนวนน้อย ภาระของเราคือการปลดปล่อยตัวเราเองจากคุกชนิดนี้โดยขยายขอบฟ้าของเมตตาจิต ให้ครอบคลุมทุกสรรพชีวิต และธรรมชาติทั้งหมดในความงามของมัน 


A person starts to live when he can live outside himself. 
บุคคลจะเริ่มมีชีวิตที่แท้จริง 
ก็ต่อเมื่อเขาสามารถดำเนินชีวิตภายนอกตัวเขา 


Gravity is not responsible for people falling in love. 
แรงโน้มถ่วงไม่รับผิดชอบสำหรับคนที่ตกหลุมรัก 


Sometimes one pays most for the things one gets for nothing. 
บางครั้งคนเราก็ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างเพื่อสิ่งที่ไร้ค่า 

Weakness of attitude 
becomes weakness of character. 
ทัศนคติที่อ่อนด้อยนำไปสู่การดำเนินชีวิตที่อ่อนแอ 


I never think of the future. 
It comes soon enough. 
ข้าพเจ้าไม่เคยคิดถึงอนาคต 
เพราะมันมาถึงด้วยความเร็วสูง 


There are only two ways to live your life. 
One is as though nothing is a miracle. 
The other is as though everything is a miracle. 
มีสองวิธีในการใช้ชีวิต คือ 
ทางหนึ่งไม่มีอะไรมหัศจรรย์เลย 
กับอีกทาง 
ทุกสิ่งล้วนมหัศจรรย์ 


I’m like a run-down old car – something is wrong in every corner, 
but life is still worthwhile as long as I can still work. 
ตอนนี้ข้าพเจ้าก็เหมือนรถเก่าๆ ที่เสื่อมถอยลงคันหนึ่ง มีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติไปทุกซอกมุม แต่ชีวิตยังทรงคุณค่าตราบเท่าที่ข้าพเจ้ายังคงทำงานอยู่ 

Look deep, deep into nature, 
and then you will understand everything better. 
จงมองให้ลึกลึกลงไปในธรรมชาติ แล้วเราจะเข้าใจสิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้น 


These thoughts did not come in any verbal formulation. 
I rarely think in word at all. 
A thought comes, and I may try it express it in words afterward. 
ความคิดเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นในรูปของถ้อยคำ ข้าพเจ้าไม่ค่อยคิดเป็นถ้อยคำ 
เมื่อเกิดความคิดขึ้นแล้ว ข้าพเจ้าจึงพยายามอธิบายด้วยถ้อยคำในภายหลัง 

I no quite certainly that 
I myself have no special talent; curiosity, obsession and dogged endurance, combined with self criticism, have brought me to my ideas. 
ข้าพเจ้าไม่ได้มีพรสวรรค์พิเศษอะไร ข้าพเจ้าเพียงแต่มีความกระหายใคร่รู้อยู่เสมอ ทุ่มเทให้กับสิ่งที่อยากรู้ พากเพียรอย่างทรหด และสำรวจวิจารณ์ความรู้ของตัวเองเป็นประจำ ปัจจัยเหล่านี้คือที่มาของแนวคิดต่างๆ ของข้าพเจ้า 


When a blind beetle crawls over the surface of the globe, he doesn’t realize that the tract he has covered is curved. 
I was lucky enough to have spotted it. 
เมื่อแมลงคลานไปตามพื้นผิวโลก 
เค้าไม่มีโอกาสได้รับรู้ว่าทางเดินของเค้าที่แท้จริงแล้วเป็นผิวโค้ง 
ข้าพเจ้าโชคดีที่ได้รู้ 


Joy in looking and comprehending is nature's most beautiful gift. 
ความสนุกในการค้นคว้าและทำความเข้าใจคือของขวัญอันยิ่งใหญ่จากธรรมชาติ 


It conflicts with one’s scientific understanding 
to conceive of a thing which acts but cannot be acted upon. 

มันขัดความเข้าใจทางวิทยาศาสตร์ของใครก็ตาม 
ที่จะนึกจินตนากรรมสิ่งที่กระทำ 
แต่ไม่สามารถถูกกระทำ 


Two things inspire me to awe – 
the starry heavens above 
and the moral universe within. 
มีสองสิ่งที่บันดาลใจให้ข้าพเจ้าเกรงขาม 
คือ ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว และเอกภพของศีลธรรมภายใน 


Curiosity has its own reason for existing. 
ความอยากรู้อยากเห็น 
มีเหตุผลของมันเอง 

Two things are infinite: 
the universe 
and human stupidity 
and I'm not sure about the universe. 
มีสองสิ่งที่ไม่มีที่สิ้นสุด คือ 
เอกภพ กับ 
ความโง่เขลาของมนุษย์ 
แต่เอกภพนั้นข้าพเจ้าไม่แน่ใจนัก 


Common sense is the collection of prejudices acquired by age eighteen . 
สามัญสำนึก 
คือ ชุดสะสมของอคติที่ได้มาตอนอายุ 18 ปี 


Any intelligent fool 
can make things bigger, 
more complex, 
and more violent. 
It takes a touch of genius - and a lot of courage - to move on the opposite direction. 
ผู้มีความรู้แต่โง่เขลา 
มักทำในสิ่งที่ใหญ่โตโอฬาร สลับซับซ้อน และรุนแรง 
ต้องใช้ปัญญาเยี่ยงอัจฉริยะ จึงจะเดินไปในทิศทางตรงข้ามได้ 


Great spirits have often encountered violent opposition from -weak minds- . 
จิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่มักเผชิญการต่อต้านอย่างรุนแรงจาก จิตใจที่อ่อนด้อย 


It is the supreme art of the teacher to awaken joy in creative. 
สุดยอดศิลปะของการสอน 
คือการปลุกให้สนุกในการสร้างสรรค์ บทความ เนื้อเรื่อง หรือ คำอธิบาย โดยละเอียด
คำคมจาก อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์

        A human being is a part of a whole, called by us -universe-, a part limited in time and space. He experiences himself, his thoughts and feelings as something separated from the rest…a kind of optical delusion of his consciousness. This delusion is a kind of prison of us, restricting us to our personal desires and to affection for a few things nearest to us. Our tasks must be to free ourselves from this prison by widening our circle of compassion to embrace all living creatures and the whole of nature in its beauty.

        มนุษย์คนหนึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทั้งหมดที่เราเรียกว่า เอกภพ เป็นส่วนเสี้ยวที่ถูกจำกัดด้วยอวกาศและเวลา เขาได้รับประสบการณ์ด้วยตัวเขาเองเป็นความคิดและความรู้สึกที่กันออกจากส่วน ที่เหลือ นั่นก็คือ มายาคติเชิงการเห็นชนิดหนึ่งจากความรู้สึกนึกคิดของเขาเอง มายาคตินี้เป็นคุกชนิดหนึ่ง จำกัดเราให้อยู่แต่ความปรารถนา ความรักใคร่สิ่งที่อยู่ใกล้ตัวจำนวนน้อย ภาระของเราคือการปลดปล่อยตัวเราเองจากคุกชนิดนี้โดยขยายขอบฟ้าของเมตตาจิต ให้ครอบคลุมทุกสรรพชีวิต และธรรมชาติทั้งหมดในความงามของมัน


A person starts to live when he can live outside himself.
บุคคลจะเริ่มมีชีวิตที่แท้จริง
ก็ต่อเมื่อเขาสามารถดำเนินชีวิตภายนอกตัวเขา


Gravity is not responsible for people falling in love.
แรงโน้มถ่วงไม่รับผิดชอบสำหรับคนที่ตกหลุมรัก


Sometimes one pays most for the things one gets for nothing.
บางครั้งคนเราก็ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างเพื่อสิ่งที่ไร้ค่า

Weakness of attitude
becomes weakness of character.
ทัศนคติที่อ่อนด้อยนำไปสู่การดำเนินชีวิตที่อ่อนแอ


I never think of the future.
It comes soon enough.
ข้าพเจ้าไม่เคยคิดถึงอนาคต
เพราะมันมาถึงด้วยความเร็วสูง


There are only two ways to live your life.
One is as though nothing is a miracle.
The other is as though everything is a miracle.
มีสองวิธีในการใช้ชีวิต คือ
ทางหนึ่งไม่มีอะไรมหัศจรรย์เลย
กับอีกทาง
ทุกสิ่งล้วนมหัศจรรย์


I’m like a run-down old car – something is wrong in every corner,
but life is still worthwhile as long as I can still work.
ตอนนี้ข้าพเจ้าก็เหมือนรถเก่าๆ ที่เสื่อมถอยลงคันหนึ่ง มีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติไปทุกซอกมุม แต่ชีวิตยังทรงคุณค่าตราบเท่าที่ข้าพเจ้ายังคงทำงานอยู่

Look deep, deep into nature,
and then you will understand everything better.
จงมองให้ลึกลึกลงไปในธรรมชาติ แล้วเราจะเข้าใจสิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้น


These thoughts did not come in any verbal formulation.
I rarely think in word at all.
A thought comes, and I may try it express it in words afterward.
ความคิดเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นในรูปของถ้อยคำ ข้าพเจ้าไม่ค่อยคิดเป็นถ้อยคำ
เมื่อเกิดความคิดขึ้นแล้ว ข้าพเจ้าจึงพยายามอธิบายด้วยถ้อยคำในภายหลัง

I no quite certainly that
I myself have no special talent; curiosity, obsession and dogged endurance, combined with self criticism, have brought me to my ideas.
ข้าพเจ้าไม่ได้มีพรสวรรค์พิเศษอะไร ข้าพเจ้าเพียงแต่มีความกระหายใคร่รู้อยู่เสมอ ทุ่มเทให้กับสิ่งที่อยากรู้ พากเพียรอย่างทรหด และสำรวจวิจารณ์ความรู้ของตัวเองเป็นประจำ ปัจจัยเหล่านี้คือที่มาของแนวคิดต่างๆ ของข้าพเจ้า


When a blind beetle crawls over the surface of the globe, he doesn’t realize that the tract he has covered is curved.
I was lucky enough to have spotted it.
เมื่อแมลงคลานไปตามพื้นผิวโลก
เค้าไม่มีโอกาสได้รับรู้ว่าทางเดินของเค้าที่แท้จริงแล้วเป็นผิวโค้ง
ข้าพเจ้าโชคดีที่ได้รู้


Joy in looking and comprehending is nature's most beautiful gift.
ความสนุกในการค้นคว้าและทำความเข้าใจคือของขวัญอันยิ่งใหญ่จากธรรมชาติ


It conflicts with one’s scientific understanding
to conceive of a thing which acts but cannot be acted upon.

มันขัดความเข้าใจทางวิทยาศาสตร์ของใครก็ตาม
ที่จะนึกจินตนากรรมสิ่งที่กระทำ
แต่ไม่สามารถถูกกระทำ


Two things inspire me to awe –
the starry heavens above
and the moral universe within.
มีสองสิ่งที่บันดาลใจให้ข้าพเจ้าเกรงขาม
คือ ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว และเอกภพของศีลธรรมภายใน


Curiosity has its own reason for existing.
ความอยากรู้อยากเห็น
มีเหตุผลของมันเอง

Two things are infinite:
the universe
and human stupidity
and I'm not sure about the universe.
มีสองสิ่งที่ไม่มีที่สิ้นสุด คือ
เอกภพ กับ
ความโง่เขลาของมนุษย์
แต่เอกภพนั้นข้าพเจ้าไม่แน่ใจนัก


Common sense is the collection of prejudices acquired by age eighteen .
สามัญสำนึก
คือ ชุดสะสมของอคติที่ได้มาตอนอายุ 18 ปี


Any intelligent fool
can make things bigger,
more complex,
and more violent.
It takes a touch of genius - and a lot of courage - to move on the opposite direction.
ผู้มีความรู้แต่โง่เขลา
มักทำในสิ่งที่ใหญ่โตโอฬาร สลับซับซ้อน และรุนแรง
ต้องใช้ปัญญาเยี่ยงอัจฉริยะ จึงจะเดินไปในทิศทางตรงข้ามได้


Great spirits have often encountered violent opposition from -weak minds- .
จิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่มักเผชิญการต่อต้านอย่างรุนแรงจาก จิตใจที่อ่อนด้อย


It is the supreme art of the teacher to awaken joy in creative.
สุดยอดศิลปะของการสอน
คือการปลุกให้สนุกในการสร้างสรรค์


I never teach my pupils;
I only attempt to provide the conditions in which they can learn.
ข้าพเจ้าไม่เคยสอนลูกศิษย์
ข้าพเจ้าเพียงแต่สร้างบรรยากาศและสภาพแวดล้อมให้พวกเขาสามารถเรียนรู้ได้


Never regard study at a duty,
but as the enviable opportunity to learn to know the liberating influence of beauty in the realm of the spirit for your own personal joy and to the profit of the community to which your later work belongs.
จงอย่าถือว่าการศึกษาคือหน้าที่
แต่เป็นโอกาสอันดีในการพัฒนาอาณาจักรจิตวิญญาณภายในเพื่อเสรีภาพของเราเอง
และเพื่อสังคมการทำงานที่เราจะเป็นส่วนหนึ่งในอนาคต


The pursuit of truth and beauty is a sphere of activity in which we are permitted to remain children all our lives.
การแสวงหาความจริงและความงามเป็นกิจกรรมที่ทำให้เราสามารถ
เป็นเด็กได้ตลอดชีวิต


Do not worry about your difficulties in Mathematics.
I assure you mine are still greater.
อย่ารู้สึกกังวลเกี่ยวกับความยากของวิชาคณิตศาสตร์จนถึงทุกวันนี้ ข้าพเจ้ายืนยันได้ว่าคณิตศาสตร์ยังคงเป็นเรื่องยากยิ่งสำหรับข้าพเจ้า


If you know what have you done,
it doesn’t a research.
ถ้ารู้ว่าสิ่งที่เรากำลังทำคืออะไร
คงไม่เรียกว่างานวิจัย


The truth of a theory is in your mind, not in your eyes.
ความจริงแท้ของทฤษฎีอยู่ภายในจิตใจ ไม่ใช่อยู่กับสิ่งที่มองเห็น


Knowledge is not wisdom.
ความรู้ไม่ใช่ปัญญา 


I never teach my pupils;
I only attempt to provide the conditions in which they can learn.
ข้าพเจ้าไม่เคยสอนลูกศิษย์
ข้าพเจ้าเพียงแต่สร้างบรรยากาศและสภาพแวดล้อมให้พวกเขาสามารถเรียนรู้ได้


Never regard study at a duty,
but as the enviable opportunity to learn to know the liberating influence of beauty in the realm of the spirit for your own personal joy and to the profit of the community to which your later work belongs.
จงอย่าถือว่าการศึกษาคือหน้าที่
แต่เป็นโอกาสอันดีในการพัฒนาอาณาจักรจิตวิญญาณภายในเพื่อเสรีภาพของเราเอง
และเพื่อสังคมการทำงานที่เราจะเป็นส่วนหนึ่งในอนาคต


The pursuit of truth and beauty is a sphere of activity in which we are permitted to remain children all our lives.
การแสวงหาความจริงและความงามเป็นกิจกรรมที่ทำให้เราสามารถ
เป็นเด็กได้ตลอดชีวิต


Do not worry about your difficulties in Mathematics.
I assure you mine are still greater.
อย่ารู้สึกกังวลเกี่ยวกับความยากของวิชาคณิตศาสตร์จนถึงทุกวันนี้ ข้าพเจ้ายืนยันได้ว่าคณิตศาสตร์ยังคงเป็นเรื่องยากยิ่งสำหรับข้าพเจ้า


If you know what have you done,
it doesn’t a research.
ถ้ารู้ว่าสิ่งที่เรากำลังทำคืออะไร
คงไม่เรียกว่างานวิจัย


The truth of a theory is in your mind, not in your eyes.
ความจริงแท้ของทฤษฎีอยู่ภายในจิตใจ ไม่ใช่อยู่กับสิ่งที่มองเห็น


Knowledge is not wisdom.
ความรู้ไม่ใช่ปัญญา 


วันศุกร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2554

สอนลูกให้เดินทาง...บนถนนชีวิต : สิ่งที่สำคัญที่สุดก่อนการเดินทาง

สิ่งที่สำคัญที่สุดก่อนการเดินทาง

ลูกรัก หากชีวิต คือ การเดินทาง แล้ว สิ่งแรกที่เราคงต้องทำก่อนออกเดินทาง นั่นก็คือ การกำหนดเป้าหมายในการเดินทาง

แต่ในความเป็นจริงนั้นเป็นเรื่องที่น่าตกใจ เพราะ ผู้คนส่วนใหญ่ในโลกใบนี้ ออกเดินทางไปโดยไม่รู้ว่าตนเองนั้นจะไปที่ใด พวกเขาเหล่านั้นอาจจะมีเพียงเป้าหมายกว้างๆเท่านั้น เช่น อยากไปให้ถึงความร่ำรวย อยากไปให้ถึงความสำเร็จ เป็นต้น
หลังจากนั้น พวกเขาก็ปล่อยให้ชีวิตของพวกเขาเป็นไปตาม ยะถากรรม พวกเขาใช้ชีวิตไปอย่างไร้จุดหมาย
ลูกลองนึกและจินตนาการดูว่า มีผู้คนมากมายที่ขับรถไปๆมาๆอย่างไร้จุดมุ่งหมาย พวกเขาได้แต่ขับไปแต่ก็ไม่รู้ว่าจะขับรถของพวกเขาไปที่ไหน ดูสับสนวุ่นวายไปหมด

ในที่สุดแล้วเมื่อรถของพวกเขาหยุดลง พวกเขาก็จะรู้ว่ามันเป็นที่ๆพวกเขาไม่ได้ปรารถนาจะไปเลยแม้แต่น้อย ที่เจ็บช้ำยิ่งไปกว่านั้นก็คือ พวกเขาเดินทางมาไกลมากแล้ว ทั้งน้ำมัน ทั้งสภาพรถและสภาพร่างกายของพวกเขานั้น มันสายเกินกว่าจะย้อนกลับ หรือไปยังที่ๆเขาอยากไปจริงๆเสียแล้ว
ซึ่งพ่อก็หวังว่า ลูกจะไม่ออกเดินทางไปเยี่ยงพวกเขาเหล่านั้น ขอให้ลูกจงจำไว้ว่า

เป้าหมายในชีวิตลูก ลูกต้องเป็นคนกำหนดด้วยตัวของลูกเอง

จงอย่ากลัวที่จะตั้งเป้าหมายที่ลูกต้องการจะไป ถึงแม้ว่าที่แห่งนั้นมันจะดูเหมือนว่าอยู่ไกลแสนไกลก็ตาม จงใช้ความปรารถนาของลูกนำทาง แล้วกำหนดเป้าหมายปลายทางของลูกให้ชัดเจน  ขอให้ลูกเชื่อมั่นว่า

ทุกๆที่ๆจิตใจของลูกสัมผัสได้ ลูกก็ไปถึงที่นั่นได้อย่างแน่นอน

พ่ออยากจะแนะนำให้ลูก ใช้เวลากับตัวเอง คิด ค้นหา ความฝันอันยิ่งใหญ่ของลูก ความฝันอันแสนจะท้าทายจิตใจของลูก ความฝันที่จะทำให้ลูกมีความสุข มีความภาคภูมิใจ เมื่อลูกสามารถพิชิตมันได้สำเร็จ และเมื่อลูกค้นพบมันแล้ว  ความลับอีกอย่างหนึ่งก็คือ

จงเขียนเป้าหมายของลูกออกมา แล้วเก็บไว้ในที่ๆลูกจะสามารถนำออกมาดูได้เสมอๆ โดยไม่ต้องบอกใครแม้แต่ พ่อและแม่

ลูกอาจสงสัยว่าทำไมจึงไม่ให้บอกใคร หลายๆคนอาจจะบอกกับลูกว่า “จงประกาศความฝันของลูกให้คนอื่นรับรู้” แต่สำหรับพ่อแล้วพ่อไม่ค่อยจะเห็นด้วยนัก
เพราะว่า ที่ๆลูกอยากไปนั้นมันอาจจะไม่ใช่ที่ๆคนอื่นอยากไป พวกเขาอาจจะไม่เห็นด้วยกับเป้าหมายของลูก พวกเขาอาจจะห้ามและขัดขวางลูก เหมือนที่พ่อเคยพบเจอกับตัวพ่อเอง จนในที่สุดพ่อก็ผ่ายแพ้พวกเขาเหล่านั้น และไม่ได้ออกเดินทางตามหาความฝันของพ่อ ดังนั้น

จงทำมันให้เป็นความลับของลูก
ที่มีเพียงลูกและจิตใต้สำนึกของลูกเท่านั้นที่ล่วงรู้ความลับนี้

และเมื่อลูกได้ตั้งเป้าหมายของลูกแล้ว จงนึกถึงมันอยู่เสมอ จงปลูกมันลงในจิตใต้สำนึกของลูก แล้วเติมความปรารถนาอันแรงกล้าลงไป จดจ่อและจินตนาการถึงความสุขที่ลูกจะได้รับจากที่แห่งนั้น จนลูกรู้สึกว่า ลูกแทบจะทนรอให้ถึงช่วงเวลาที่จะออกเดินทางในตอนเช้าไม่ไหว

วันพุธที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2554

เมื่อ “เจ้” ที่ผมรัก ปฏิเสธการขายประกัน



เมื่อ เจ้ที่ผมรัก 
ปฏิเสธการขายประกัน

ชีวิตนักขายในช่วงแรกๆนั้นมักจะมีอาการ เกลียดญาติ-โกรธเพื่อนทั้งนี้ก็เพราะ เรามักจะไปขายประกันกับญาติสนิทมิตรสหายก่อน ซึ่งคนกลุ่มนี้จัดว่าเป็นกลุ่มผู้มุ่งหวังที่ เข้าพบง่ายแต่ขายยากทั้งนี้ก็เพราะความสนิทสนมใกล้ชิดทำให้กล้าพูดตอบโต้กับตัวแทน กล้าปฏิเสธตรงๆ โดยไม่เกรงใจ

และนี่ก็คือสาเหตุสำคัญอีกประการหนึ่ง ที่ทำให้ตัวแทนใหม่รู้สึกว่า ประกันนั้นขายยาก แล้วพาล เกลียดญาติ เพราะรู้สึกว่าเป็นญาติกันแท้ๆแต่ไม่ยอมช่วยเหลือกันเลย และ โกรธเพื่อน เพราะเพื่อนหนอเพื่อน ไปไหนก็ไปกัน กินไหนก็กินกัน เรียนเล่นด้วยกันมาโดยตลอด แต่พอจะให้ทำประกัน มันก็ปฏิเสธกันเหมือนไม่มีเยื่อใย

ผมเองก็มี “ประสบการณ์” เช่นนี้ด้วยเหมือนกันครับเรื่องมีอยู่ว่าพอผมตัดสินใจทำงานประกันชีวิตแบบเต็มเวลา ก็มานั่งวิเคราะห์ร่วมกับหัวหน้าว่า ผมมีผู้มุ่งหวังคนใดบ้างที่ผมควรจะเข้าไปขายประกันในช่วงแรกๆนี้

เจ้ติ๋ว ก็เป็นชื่อผู้มุ่งหวังที่ถูกหยิบขึ้นมาเป็นลำดับต้นๆ ทั้งนี้ก็เพราะเจ้ติ๋ว เป็นญาติลูกพี่ลูกน้องกับผม เราสนิทสนมกันมากพอสมควรทีเดียวตั้งแต่ในสมัยเด็กๆ ผมก็เป็น น้องชายที่น่ารัก ของแก ส่วนแกก็เป็น พี่สาวที่แสนจะใจดี ของผม

เจ้ติ๋ว เป็นญาติที่รวยที่สุดของผม เพราะแกเป็นเจ้าของโรงงานทอกระสอบ และโรงงานผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากยาง โรงงานของแกอยู่แถวๆอ้อมน้อย ซึ่งผมกับแก ไม่ได้เจอกันมานานเป็น 10 ปี เห็นจะได้

เมื่อวิเคราะห์และวางแผนการขาย ร่วมกับหัวหน้าเสร็จผมก็ยกหูโทรศัพท์โทรหาเจ้ติ๋ว ทันที เสียงโทรศัพท์ติดสักครู่ก็มีเสียงรับสายจากปลายทาง
ฮัลโลสวัสดีค่ะ
ใช่เจ้ติ๋ว หรือเปล่าครับผมถามเพื่อความแน่ใจ
อึ่มใช่ใครน่ะ?” แกถามกลับมาบ้าง
สวัสดีเจ้ ผมต๊ะนะผมรายงานตัวทันที
ใครนะ?” ก็ยังคงนึกไม่ออก เพราะไม่ได้ติดต่อกันนานมาก
โหเจ้ จำน้องไม่ได้แล้วหรือ ต๊ะลูกตาเจนน่ะผมอธิบายขยายความมากขึ้นไปอีก
อ้าว!มึงเองหรือยังไม่ตายรึไงวะเสียงแกอุทานด้วยความดีใจ
ไอ้ห่าเอ๊ย!แม่งงงไม่ได้เจอกันตั้งนาน เป็นสิบปีแล้วมั๊งนี่ กว่าจะโทรมาหากูได้คิดถึงฉิบหาเลยว่ะ เป็นไงบ้างวะ เห็นว่ามึงเป็นครูสอนอยู่ที่ไหนวะแล้วพ่อสบายดีไหม?” เจ้แกยิงคำถามมาเป็นชุดยาวเหยียดทีเดียวครับ
โหเจ้ถามเยอะงี้ตอบไม่ถูกหรอก พ่อน่ะสบายดีตามประสาแกนั่นแหละ ส่วนผมน่ะตอนนี้ลาออกจากครูแล้ว วันนี้ผมมาประชุมอยู่แถวนนทบุรีน่ะ ตอนนี้ประชุมเสร็จแล้วละว่าจะแวะเข้าไปหาเจ้ที่บ้าน แล้วนี่บ้านเจ้อยู่แถวไหนล่ะ
ผมดำเนินการทาบทามนัดหมายทันที แต่เจ้แกก็ยังสงสัยอยู่

อ้าวเฮ้ย! ทำไมมึงถึงลาออกวะ? นานหรือยัง? แล้วนี่มึงไปทำอะไรล่ะ?”
ก็เพิ่งจะลาออกมานี่แหละ คือตอนนี้ผมมาเป็นตัวแทนประกันชีวิตน่ะเจ้ผมบอกเรื่องจริงแกไปตรงๆ

แต่เสียงจากปลายสาย เงียบ!ไปครู่ใหญ่ คงช๊อคที่ได้ยินคำว่าประกันชีวิตน่ะครับ ผมจึงส่งเสียงกลับไปก่อน
เจ้เจ้เจ้ติ๋ว ยังอยู่ในสายรึเปล่า?” ผมต้องเรียกอยู่หลายครั้งกว่าปลายสายจะตอบกับมาสั้นๆว่า
ฮื่อยังอยู่
เจ้แล้วนี่บ้านเจ้อยู่ตรงไหนล่ะ เดี๋ยวผมจะเข้าไปหา แกคงจะเริ่มตั้งสติได้จึงพูดออกมายาวเหยียดว่า
เฮ้ย!!!ไอ้ต๊ะ นี่กูบอกกับมึงตรงๆเลยนะว่า ถ้ามึงจะมาขายประกันกูแล้วละก็ มึงไม่ต้องเข้ามาเลย กูน่ะเบื่อจริงๆกับไอ้พวกตัวแทนประกันนี่ แม่งงมาตื้อกูแทบทุกวันเฮีย(หมายถึงสามีของแก)แกก็รำคาญเหมือนกัน แกเคยไล่ออกจากบ้านไปหลายคนแล้ว แล้วนี่มาเป็นมึงอีก อย่างไรกูก็ไม่ทำหรอกไอ้ประกันน่ะ กูคงไม่ตายง่ายๆหรอก ถ้ามึงจะมาขายประกันกู มึงก็ไม่ต้องเข้ามา

แกใส่มาอีกชุดใหญ่ๆเลยครับ ไงครับถ้าเป็นคุณๆรู้สึกอย่างไร ที่ เจ้พี่น้องที่เคยรักกัน ปฏิเสธคล้ายสิ้นเยื่อขาดใยขนาดนี้ บางคนอาจจะรู้สึกเจ็บปวด บางคนอาจจะรู้สึกท้อแท้สิ้นหวัง บางคนอาจจะตัดสินใจเลิกจากงานนี้ไปเลย แต่ไม่ใช่ผม

เพราะถ้าเราวิเคราะห์ดูจริงๆแล้วเราจะพบว่า
1.        เจ้ยังคงรักผม ซึ่งเป็นน้องชายของแกอยู่เช่นเดิม เพราะแกแสดงให้เห็นว่าแกดีใจมากที่ผมโทรมาหาแก
2.       เจ้แกไม่ได้เกลียดหรือโกรธผม เพราะผมยังไม่ได้ทำอะไรผิดจนทำให้แกต้องโกรธเกลียด
3.       แต่เจ้ไม่ยากเจอผม ทั้งนี้ก็เพราะ ถ้าเป็นตัวแทนคนอื่นๆเท่าที่ผ่านมา แกสามารถปฏิเสธการซื้อมาได้โดยตลอด แต่ถ้าเป็น ผมซึ่งเป็นน้องชายที่แกรักมาขายประกันแกแล้วละก็ แกคงจะปฏิเสธไม่ลง แล้วแกอาจจะใจอ่อน จนต้องซื้อประกันกับผมจนได้ ทางที่ดี แกควรจะต้อง ตัดไฟเสียแต่ต้นลม คือ ห้ามไม่ให้ผมไปพบ

ผมจึงแกล้งเงียบเสียงไปครู่ใหญ่บ้าง จนแกต้องส่งเสียงเรียกมาว่า
ต๊ะต๊ะไอ้ต๊ะผมจึงตอบไปสั้นๆบ้างว่า
ฮื่อ…” แล้วเงียบไปอีกครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดด้วยเสียงเบาๆเศร้าๆว่า
เจ้ เดี๋ยวนี้เจ้เกลียดน้องถึงขนาดไม่ยอมให้ไปหาแล้วหรือ
ไม่ช่าย กูน่ะไม่ได้เกลียดมึงหรอก กูแค่บอกมึงว่า ถ้ามึงจะมาขายประกันกูแล้วล่ะก็ มึงก็ไม่ต้องมา เพราะกูไม่ชอบเสียงแกอ่อนลงมาบ้าง
เจ้ตกลงน้องคนนี้จะเข้าไปหาเจ้ได้ไหมผมส่งเสียงอ้อน
ได้ ไอ้ห่าเอ๋ยยย มึงเป็นน้องกู มึงจะมาเมื่อไหร่ก็ได้ แต่มึงอย่ามาขายประกันก็แล้วกันแกยังคงย้ำไม่ให้ผมขายประกัน
ตกลงวันนี้เดี๋ยวผมเข้าไปหาเจ้ได้นะ
เออมึงจะมาก็มา เดี๋ยวไปเจอกันที่ร้านอาหารใกล้ๆบ้านเจ้ก็แล้วกัน เดี๋ยวเจ้เลี้ยงเอง จะได้คุยกัน ไม่เจอกันตั้งนาน
แล้วแกก็บอกชื่อร้านอาหาร และเส้นทางให้ผมไปพบผมจึงขับรถเฟียตเก่าๆของผม ปุเรงๆไปพบแกที่ร้านอาหารตามนัดหมาย พอได้เจอกันเราทั้งสองก็ร่วมรับประทานอาหาร และพูดคุยถึงความหลังเก่าๆกันอย่างสนุกสนาน จนอิ่มหนำสำราญดีแล้วผมก็หยิบ ใบคำขอเอาประกัน ขึ้นมาวางบนโต๊ะ

พอเจ้ติ๋ว แกเห็นเท่านั้นแหละ แกก็ทำตาโตแล้วอุทานขึ้นมาว่า
ไอ้เห้ต๊ะ นี่มึงจะขายประกันกูจริงๆหรือ กูบอกมึงแล้วนะว่าอย่ามาขายประกันกูๆ
เจ้ฟังผมนะ ผมลาออกมาจากครู ก็เพราะผมตั้งใจที่จะประสบความสำเร็จ ในการเป็นตัวแทนประกันชีวิต หัวหน้าผมเขาถามผมว่า มีใครที่จะช่วยสนับสนุนผมได้บ้างผมก็นึกถึงเจ้นี่แหละเป็นคนแรก เจ้ดีกับผมเสมอมา ผมไม่เคยขออะไรเจ้เลย แต่ครั้งนี้ผมอยากจะขอให้เจ้ช่วยผมสักครั้ง
จริงๆแล้วแบบประกันที่ผมจะให้เจ้ทำนี้ มันก็เป็นแบบที่เหมือนการเก็บเงินอย่างหนึ่ง และมีเงินคืนให้เจ้ทุกๆ 3 ปี ด้วยเหมือนกับเจ้ ย้ายเงินจากกระเป๋าซ้าย มาใส่ไว้ในกระเป๋าขวา เท่านั้น ไม่ได้หายไปไหน และยังช่วยน้องคนนี้ด้วย นะเจ้นะ

ผมอธิบายแบบประกันคร่าวๆให้เจ้ฟังและออดอ้อนอีกเล็กน้อย แกเงียบไปอีกชั่วครู่ก่อนจะพูดออกมาว่า
แล้วกูต้องจ่ายเท่าไหร่ล่ะ เสียงแกอ่อนและตอบรับผมแล้ว
ทุนประกัน  1 ล้าน เจ้จะได้เงินคืนรวม 2 ล้าน เบี้ยประกันก็ตกปีละแค่ประมาณ 80,000 บาท เองเจ้
โหตั้งแปดหมื่นเลยหรือ โอ๊ย! ขนาดนี้กูทำไม่ไหวหรอก กูไม่ได้มีเงินมากมายนักหนาขนาดนั้น เอาให้มันน้อยกว่านี้ สักปีละ 20,000 พอ
โห เจ้ ช่วยน้องทั้งที ทำทุนประกัน 1 ล้าน เถอะนะเจ้นะ
งั้นเอาเป็นครึ่งเดียวพอ ก็ทำให้มึงแค่ทุน 500,000 พอ มากกว่านี้กูก็ไม่ทำเลย มึงจะเอาไหมแกเริ่มเสียงแข็ง
ก็ได้ๆห้าแสนก็ห้าแสน หลังจากนั้น ผมก็ดำเนินการกรอกรายละเอียดในใบคำขอเอาประกัน และเก็บเช็คค่าเบี้ยประกันมาเกือบๆ 50,000 บาท

แล้วเมื่อถึงวันที่ ผมนำกรมธรรม์มามอบให้กับแกผมก็เสนอโครงการทุนการศึกษาให้กับลูกสาวของแก 2 คนซึ่ง เจ้ติ๋วก็จ่ายเบี้ยประกันเพิ่มมาอีก เกือบๆ 100,000 บาท ครับ

ทีนี้เข้าใจแล้วใช่ไหมครับว่า เมื่อผู้มุ่งหวังบอกว่า อย่ามาๆๆๆนั้นมันหมายความว่าอย่างไร

……………………………………….