ผู้ตัดริบบิ้น!
ลูกค้ารายแรกของผม
แล้ววันหยุด เสาร์-อาทิตย์ ก็มาถึง มันจะเป็นวันที่ผมรอคอย เพราะผมจะมีเวลาออกไปขายประกัน และทดสอบบทพูดที่ผมเตรียมไว้อย่างเต็มที่ ผมพยายามทบทวนบทพูดที่เตรียมไว้อยู่หลายรอบ จนคิดว่าผมน่าจะจำมันได้เป็นอย่างดีแล้ว จึงเริ่มต้นออกพบลูกค้าอีกครั้ง
แต่เมื่อถึงสถานการณ์จริงเมื่อได้อยู่ต่อหน้าลูกค้า ผมกลับรู้สึกว่าผมทำมันได้ไม่ค่อยดีนัก ถึงแม้ว่ามันจะยากกว่าที่ผมคิดไว้ แต่อย่างน้อยผมก็มีโอกาส “ได้ขายประกัน” แล้วตั้งแต่รายแรกที่ผมเข้าพบ ผมได้มีโอกาสพูดอธิบายแบบประกันที่ผมได้เตรียมไปให้ลูกค้าฟังบ้างแล้วกับลูกค้าหลายราย
และเมื่อผ่านวันเสาร์ไปหนึ่งวัน และวันอาทิตย์อีกครึ่งวัน ผมก็ได้เข้าพบลูกค้าไปแล้ว 10 ราย ถึงแม้ว่าประมาณครึ่งหนึ่งในนั้น ผมจะมีโอกาสได้ “ขายอธิบายแบบประกัน” แล้วก็ตาม แต่ผมก็ยังไม่สามารถปิดการขายได้เลย
ถ้ารวมเอาลูกค้า 10 รายแรกเข้ามาด้วย ตอนนี้ผมก็พบลูกค้าไปแล้วถึง 20 ราย แต่ผมก็ยังขายไม่ได้!
แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีใครสนใจเลย เพราะในจำนวนนั้น มีบางคนบอกว่า “ขอเอาข้อมูลไปปรึกษากับสามีก่อน” บางคนก็บอกว่า “จะขอทำในเดือนหน้า” อย่างน้อยคำพูดเหล่านี้ ก็เหมือนน้ำฝนชโลมใจ ที่กำลังแห้งแล้งอย่างหนักนี้ได้บ้าง
วันอาทิตย์เหลืออยู่อีกแค่ครึ่งวัน ผมบอกกับตัวเองว่า “วันนี้ผมต้องขายได้” ผมคิด คิด และก็คิดว่า ผมพอจะไปหาใครได้อีกบ้าง ทันใดนั้นชื่อของ “เจ้อี๊ด” ก็ลอยขึ้นมาในความนึกคิดของผม
“เจ้อี๊ด” เป็นญาติห่างๆของผม เนื่องจากคุณปู่ของผมมีภรรยาหลายคน แกจึงเป็นญาติที่ไม่ค่อยจะสนิทสนมคุ้นเคยกันนัก ผมเคยพบกับ “เจ้อี๊ด” ก็ตอนที่ผมไปไหว้บรรพบุรุษในวันเชงเม้ง ผมรู้ว่าแกเป็นเจ้าของร้านขายข้าวสารอยู่ที่ตลาดลพบุรี ซึ่งห่างจากอำเภอที่ผมอยู่ประมาณ 20 กิโลเมตร ผมก็เลยตัดสินใจขับ มอเตอร์ไซค์ฮอนด้าดรีม ของผมไปจังหวัดลพบุรีทันที
ผมจำได้ว่าอากาศในช่วงบ่ายร้อนยิ่งนัก แดดก็จัดมาก ผมขับมอเตอร์ไซค์ไปถึงลพบุรี และเข้าไปพบกับ “เจ้อี๊ด” ซึ่งผมก็ใช้บทพูดที่ผมเตรียมมานั่นเอง
ผม “เจ้อี๊ด สวัสดีครับ จำผมได้ไหมครับ ผม ‘ต๊ะลูกพ่อเจน’ ครับ” ผมแนะนำตัว
เจ้อี๊ด อ้อ! จำได้ๆ มีอะไรล่ะ พ่อมาด้วยหรือเปล่า
ผม พ่อไม่ได้มาด้วยหรอกครับ ผมมาคนเดียว
นึกเอานะครับว่าสภาพของผมตอนนั้น มันเป็นเช่นไรผมฟูยุ่งเหยิง หน้าแดงก่ำ เพราะขับรถฝ่าลมฝ่าแดดมา 20 กว่ากิโลเมตร แกจึงถามผมว่า
เจ้อี๊ด โอ้โห นี่เธอขับมอเตอร์ไซค์มาจากพระพุทธบาทเลยหรือไง
ผม ครับผมขับมอเตอร์ไซค์มาครับ
เจ้อี๊ด แล้วเธอมีธุรอะไรกะเจ้ล่ะ
จากนั้นผมก็ใช้บทพูดที่เตรียมมานั่นแหละครับ ซึ่งเจ้แกก็บอกว่าแกมีประกันอยู่แล้วกับบริษัทๆหนึ่ง แต่แกก็ให้โอกาสผมอธิบายแบบประกัน ผมเห็นว่าแกตั้งใจฟังในขณะที่ผมอธิบาย และซักถามผมอยู่เป็นระยะๆ จนในที่สุดแกก็ถามผมว่า
เจ้อี๊ด แล้วเจ้ต้องจ่ายปีละเท่าไหร่ล่ะ
ผม ทุนประกัน 100,000 เบี้ยก็ประมาณ หมื่นสามพันบาท ครับ
เจ้อี๊ด ความจริงเจ้ก็มีประกันอยู่แล้วนะ คงจะทำอีกไม่ไหว
ผม ผมเข้าใจครับ แต่ว่าเจ้ครับ ผมตั้งใจจริงๆที่จะทำงานประกันชีวิต และการที่ผมมาหาเจ้ในวันนี้ ผมก็หวังว่า เจ้จะเป็นคนๆแรกที่ให้เกียรติ “ตัดริบบิ้น” การเริ่มต้นอาชีพของผม นะครับเจ้
ผมพยายามออดอ้อนจน “เจ้อี๊ด” นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ แล้วจึงพูดที่ผมรอคอยมานานแสนนานว่า
เจ้อี๊ด เอ้า! ถ้างั้นเจ้ช่วยทำทุนประกันสัก 50,000 ก็แล้วกัน ลองคิดสิว่าเจ้ต้องจ่ายเงินเท่าไหร่
ผมจึงคิดเบี้ยประกันบอกกับแกไปว่า 6,677 บาทครับ จากนั้นผมก็ดำเนินการกรอกข้อมูลในใบคำขอเอาประกัน ออกใบรับเงินชั่วคราว และเก็บเงินสดมาจากเจ้ของผม ก่อนจะขับมอเตอร์ไซค์ออกมาจากร้านของ “เจ้อี๊ด” อย่างมีความสุขที่สุดในชีวิตนักขาย และอยากจะตะโกนให้ก้องโลกว่า…
“กูขายได้แล้วโว้ย!!!!!”
……………………………………………
อ่านแระนึกถึงตัวเองเหมือนกานคับ รายแรกที่ผมขายได้มันช่าง "สุโค่ย" จิงๆอ่ะ
ตอบลบอ่านแล้วมีกำลังใจดีขึ้นมากครับ
ตอบลบผมอยู่โคราช เพิ่งลองหัดขายประกันชีวิตมาวันนี้วันที่3แล้ว
รู้สึกเหนื่อยท้อถอย วิธีการขายของผมคือ
เดินไปตามตึกแถวร้านค้าต่างๆในเมือง แจกใบปลิง ขอข้อมูลลูกค้า
ทำมาวันนี้วันที่3แล้ว มีลูกค้าที่สนใจให้ผมเสนอแบบประกันแค่6คนเอง
แต่พอเสนอแบบไป5คนก็ผิดหวังทั้ง5คน กำลังท้อแท้มากเลยครับอาจารย์
ตอนนี้เหลือคนที่6ที่กำลังจะเสนอแบบประกัน เค้าเป็นเจ้าของร้านทอง อายุ59
ไม่รู้เค้าจะทำหรือเปล่า ผมอยากประสบความสำเร็จเหมือนอาจารย์จังเลยครับ
ผมชื่อเอนะครับ ขอบคุณมากสำหรับบทความดีๆ
เรื่องราวของผมเกิดขึ้นเมื่อปี 2532 ซึงตอนนั้นคนยังไม่ค่อยยอมรับประกันชีวิตมากเท่าไหร่ ถ้าเปรียบกับปัจจุบันแล้ว ประกันชีวิตขายง่ายกว่าเยอะครับ ผมขอเป็นกำลังใจให้ "คุณเอ" ด้วยอีกคนนะครับ
ตอบลบขอจงยืนหยัดทำต่อไปด้วยความเชื่อมั่น แล้วสถิติจะแสดงตัวออกมาให้เห็นเองครับ / พละชัย ฟูเกียรติพงษ์
ผมเริ่มขายประกันชีวิตได้3วันแล้วครับ
ตอบลบวันแรก ผมเดินไปตามร้านค้าต่างๆทุกร้านกว่า50ร้าน
แจกใบปลิว แนะนำตนว่ามาขายประกันชีวิต
ก็ไม่มีใครสนใจ รีบปฎิเสธบอกปัด ผมเลยเปลี่ยนวิธีใหม่โดยบอกว่ามาจากไทยพาณิชย์ มาขอข้อมูลกรอกแบบสอบถาม
แล้วถ้าใครว่างค่อยเปิดตัวว่าขายประกัน
วิธีก็ไม่ค่อยได้ผลเท่าไร แต่วันแรกผมได้ลูกค้าที่ยอมให้ผมเสนอแผนได้4คน
วันที่2 ผมพิมพ์แบบประกัน4ฉบับ ไปเสนอลูกค้า
--ราย แรกบอกอยากทำแต่เค้าบอกผมอย่างจริงใจว่าไม่ค่อยมีเงินเพราะธุรกิจที่ทำอยู่ ไม่ค่อยดีซึ่งผมก็เห็นด้วย และเค้าก็ตาแดงๆจะร้องไห้ ผมเลยปลอบใจให้กำลังใจลูกค้า แล้วจากมาด้วยดี
--รายที่2 ผมไปหาเค้าไม่ว่างกำลังยุ่ง เค้าบอกให้ทิ้งเอกสารไว้ แต่ผมบอกว่าไม่เป็นไร ไว้พรุ่งนี้ผมจะมาเสนอใหม่
--รายที่3 ผมไปเสนอ แต่เค้าบอกว่าอยากได้ประกันแบบออมทรัพย์ ซึ่งแบบที่ผมนำเสนอเป็นแบบเน้นประกันสุขภาพ
ผมเลยบอกเค้าว่าจะเอาแบบออมทรัพย์มาเสนอใหม่
ผมกลับมาทำแผนออมทรัพย์ไปเสนอ เค้าบอกว่าส่งเบี้ย5ปี 7ปี รอเงินก้อน15ปี 20ปี นานเกิน เค้าอายุ59 กลัวตายก่อน
แล้วเค้าก็ไม่มีสามี ไม่มีลูกตัวคนเดียว เลยไม่ซื้อ ผมก็เลยจากมาอย่างเศร้าๆ
---รายที่4 นำแผนไปเสนอ เค้าบอกที่บ้านทำหลายฉบับแล้ว ส่งไม่ไหว ผมก็ไม่ค่อยอยากตื้อ เลยจากมา
จาก นั้นช่วงบ่ายผมเดินหาลูกค้าอีก เดินตามร้านต่างๆกว่า30ร้าน เจอลูกค้าที่เปิดร้านทองเค้าใจดี ให้โอกาสผมนำเสนอแผน ผมเลยกลับบ้านมาด้วยความหวัง
วันที่3 ออกจากบ้านมา ไปหน้าอำเภอสถานที่ทำบัตรประชาชน เพื่อตั้งโต๊ะ แจกแบบสอบถาม ปรากฎว่า ไม่มีคนสนใจ ผมเดินไปหาลูกค้าที่รอทำบัตร มีแต่คนเครียดเพราะรอบัตรนาน ไม่มีึคนสนใจ
ช่วงบ่ายผมกลับไปหาลูกค้าร้านทอง พอดีเค้าไม่ว่างเลยออกมาบอกว่าพรุ่งนี้จะเสนอแผนใหม่
จากนั้นไปหาลูกค้ารายเมื่อวาน ปรากฏว่าเค้าว่าง แต่เค้าไม่ทำ บอกว่าทำแล้วหลายฉบับ
ผมเลยเดินหาลูกค้าตามร้านต่างๆอีก แต่ก็โดนปฏิเสธ
ทีนี้มันล้ามาก ท้อมากเลยครับ น้ำตาไหลออกมา
แบบ ว่าเครียดครับ คือผมเป็นคนทุ่มเท แล้วมาเจอแบบนี้มันเหมือนหมดกำลังใจ ผมเดินหาลูกค้าคนเดียว ขายประกันคนเดียว ทีมงานผมเค้าก็ดี ให้คำแนะนำ ให้กำลังใจอยู่
แต่ผมก็ัยังรู้สึกแย่ว่ามันขายยากจัง
ตอนที่พิมพ์อยู่นี่รู้สึกดีขึ้น พรุ่งนี้ว่าจะวางแผนไปตั้งโต๊ะขายประกันที่โรงพยาบาลเอกชน ดีไหมครับ?
วันนี้วันที่4 ผมออกจากบ้านตอน9โมงเช้า ไปหาหัวหน้าทีม
ตอบลบไปปรึกษาเรื่องข้อเสียต่างๆในตัวผม ว่าทำไมไปเสนอลูกค้ามา4-5รายแล้วยังไม่มีรายไหนตอบรับหรือ ว่าจะซื้อบ้างเลย
แล้วผมก็อ่านกระทู้ในเวปนี้ทุกกระทู้ ผมก็เลยคิดว่าอาจจะเพราะผมเป็นคนพูดมากเกินไป เวลาสนทนากับลูกค้า
ผมพูดอย่างเดียวเลย ถามเองตอบเอง
ก็เลยยังไม่ค่อยได้รายละเอียดของลูกค้า
ทีนี้เวลาเสนอแบบประกัน ผมก็เสนอแบบเน้นกรมธรรม์หลักถูกๆ
แต่+ สัญญาเพิ่มเติมค่ารักษาให้ โดยลืมนึกไปว่าลูกค้าหลายท่านก็มีกรมธรรม์แบบนี้แล้ว จากนั้นผมก็เริ่มปรับปรุงตัวเอง และคิดว่าอย่างน้อยจะลองขายประกันไปสัก1เดือน ถ้าไม่ได้จริงๆก็คงเลิก ตอนนี้ผมรู้สึกมั่นใจขึ้น
ขายประกันไม่ได้ไม่ใช่ปัญหา
แต่ปัญหาที่แท้จริงแล้วคือไม่ได้ออกไปขายประกันต่างหาก
พอ11โมง ผมไปร้านทองหาลูกค้าที่เป็นเจ้าของร้าน
โชค ดีที่เจ้าของร้านว่างพอดี เลยได้มีโอกาสนำเสนอแบบประกัน โดยแบบที่เสนอเจ้าของร้านทองคือ 90/90 ทุน500000 +เบิกค่ารักษา2000/วัน +อุบัติเหตุ ลอบทำร้าย เบี้ยตกที่40000กว่าๆ
พอเสนอจนจบ เจ้าของร้านก็บอกว่าเค้ากำลังส่งประกันของ
บริษัท....อยู่ทำเมื่อปีที่แล้วตอนอายุ58 ปีนี้อายุ59
ทีนี้แบบประกันของผม ราคาแพงเกินไปเมื่อเทียบกับของเก่า ค่าห้องของเก่า5000/วัน ของผม2000/วัน
แล้วของเก่ายังมีประกันโรคร้ายแรง30โรคอีก
ทำไมของไทยพาณิชย์บริษัทที่ผมทำแพงกว่า?
ผม เลยตอบไปว่าตอนนี้เฮียอายุมากขึ้น เบี้ยก็ต้องสูงขึ้นเป็นธรรมดา แล้วรายละเอียดสัญญามันก็ต่างกัน เพราะฉะนั้นผมขอดูรายละเอียดกรมธรรม์ฉบับเก่าได้ไหมครับ
เฮียแกก็่ค้นหาสักพัก แล้วก็บอกว่าหาไม่เจอ
ในระหว่างที่ค้น ผมสังเกตุเห็นกระดาษ
ที่มีภาพตราโลโก้รร.อัสสัม ซึ่งผมก็จบอัสสัมมา
ทีนี้ผมเลยถามว่าลูกเฮียเรียนอัสสัมเหรอครับ
เฮียแกบอกว่าแกเรียนรุ่น3 จบมาหลายสิบปีแล้ว
ผมก็เลยบอกไปว่าผมก็จบอัสสัมเหมือนกันโรงเรียนเดียวกันเลย จากนั้นได้พูดคุยกันอย่างถูกคอมากขึ้น
จนสักพักผมก็ขอตัวออกมา
เสร็จแล้วผมก็มานั่งคิด คือเวลาไปหาลูกค้าตามบ้าน
ไปเคาะประตูขายเนี่ย ไป100บ้านผมได้ข้อมูลอายุลูกค้า10คน
ได้ข้อมูลลูกค้า100คนไปเสนอขายคนมีสักคนที่ซื้อ
ผมก็จะอดทนทำไปเรื่อยๆ
ตอนนี้ผมท้อ ท้อที่จะต้องไปหาข้อมูล รายชื่อลูกค้า
เพราะ เวลาเดินไปตามบ้าน ไม่ค่อยมีคนสนใจ ไม่มีใครเปิดโอกาสให้สอบถามเลย แต่เวลามีโอกาสเสนอแบบ ถึงลูกค้าปฎิเสธผมก็รู้สึกธรรมดา เพราะถือว่าเรามีโอกาสนำเสนอ
เราทำดีที่สุดแล้ว ผลจะเป็นอย่างไรก็ช่าง
แต่นี่ยังไม่ทันได้พูดเลยเค้าก็ไล่ผมออกมาแล้ว
ไม่ทราบพี่ มีวิธีหารายชื่อ อายุ ลูกค้ายังไงหรอครับ
ช่วยแนะนำผมหน่อย เมล์มา แอดเอมมาก็ได้ครับ
a_mazdaracha@hotmail.com
ขอบคุณมากครับ
ลองเข้าไปอ่านหนังสือของผมเรื่อง "ละครบทใหม่...ของคนขายประกัน" ที่ http://phalachai002.blogspot.com/ ดูนะครับ อาจจะได้คำตอบบางอย่างก็ได้นะครับ ที่สำคัญคือ เรียนรู้จากสิ่งที่เราทำ เรียนรู้จากประสบการณ์ที่เราได้รับ แล้วนำมาปรับปรุงพัฒนาตนเองครับ แล้วออกพบลูกค้าทุกวันอย่างน้อย 4-5 คน สำเร็จแน่นอนครับ
ตอบลบหรือถ้ามีเวลาก็เข้าไปดู VDO ที่ผมสอนการขายความคุ้มครองรายได้ และการปิดการขายก็ได้นะครับ ที่ http://phalachai008.blogspot.com/ ทนดูหน่อยครับ คงจะพอมีประโยชน์บ้าง
ตอบลบ